ติดต่อสอบถาม 038-320-300

ตับอักเสบ

พญ.หนึ่งฤทัย ภิรมย์

ตับอักเสบ (Hepatitis)

       เป็นภาวะอักเสบที่เกิดบริเวณตับ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ ตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (ตับอักเสบเอ/บี/ซี/ดี/อี) ตับอักเสบจากยาและสารพิษ ตับอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ทำลายตับเอง ตับอักเสบจากการดื่มแอลกอฮอล์ ตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ ทำให้ตับเกิดความเสียหายจนเกิดอาการป่วยต่าง ๆ ตามมา หากตับอักเสบอย่างเรื้อรัง อาจทำให้การทำงานของตับผิดปกติ เกิดโรคตับแข็ง หรือเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้

 

อาการของตับอักเสบ

 

1. ตับอักเสบเฉียบพลัน

       ตับอักเสบชนิดเฉียบพลันอาจไม่ปรากฏอาการอย่างชัดเจน หรืออาจสังเกตพบอาการได้ ดังต่อไปนี้

  • รู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้าตลอดเวลา
  • ปวดท้อง
  • ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
  • เบื่ออาหาร
  • รู้สึกไม่สบาย มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • คันตามผิวหนัง
  • ปัสสาวะสีเข้ม, อุจจาระสีซีด
  • ภาวะดีซ่าน หรือมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง

 

2. ตับอักเสบเรื้อรัง

       ตับอักเสบเรื้อรังอาจไม่พบอาการชัดเจนใด ๆ จนกระทั่งตับเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่หรือมีภาวะตับวาย ซึ่งอาจตรวจพบได้จากผลการตรวจเลือด หรืออาจมีอาการ เช่น ภาวะดีซ่าน ขา/เท้า/ข้อเท้าบวม รู้สึกสับสน อาเจียนหรืออุจจาระเป็นเลือด

 

+ ภาวะแทรกซ้อนของตับอักเสบ

       ภาวะตับอักเสบ หากเกิดความเสียหายจนกระทบต่อการทำงานของตับ อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตับวาย และมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ได้ เช่น ภาวะเลือดออกผิดปกติ ท้องมาน ภาวะความดันสูงในระบบหลอดเลือดดำของตับ ภาวะไตวาย อาการทางสมองที่มีสาเหตุจากโรคตับ มะเร็งตับ และเสียชีวิตได้

+ การวินิจฉัยตับอักเสบ

       ภาวะตับอักเสบอาจตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่ามีค่าเอนไซม์ตับสูงผิดปกติ หรือมีอาการของตับอักเสบ โดยในเบื้องต้น แพทย์จะซักประวัติการเจ็บป่วย ตรวจร่างกาย และอาจมีการทดสอบอื่น ๆ เพื่อการวินิจฉัยร่วมด้วย เช่น การตรวจเลือด การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง การเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากตับ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์และการอักเสบของตับ

+ การรักษาตับอักเสบ

       วิธีการรักษาจะแตกต่างกันตามประเภท สาเหตุ และความรุนแรงของตับอักเสบ

+ การป้องกันตับอักเสบ

       ตับอักเสบบางชนิดอาจไม่สามารถป้องกันได้ เช่น ตับอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไป แต่ตับอักเสบจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส หรือตับอักเสบจากการดื่มสุรา อาจป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาด ไม่ใช้เข็มฉีดยา และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ร่วมกัน ไม่สัมผัสเลือดหรือของเหลวจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไวรัสตับอักเสบ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • เลือกรับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มหรือน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบต่าง ๆ
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การสวมถุงยางอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ด้วย
  • การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอและบี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันในตับ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ทุกครั้งในการใช้ยา และควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้ง หากเป็นโรคตับหรือกำลังใช้ยาอื่น ๆ ร่วมด้วย
  • เลือกอาหารเสริมอย่างรอบคอบ หากต้องการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนบริโภคผลิตภัณฑ์ใด ๆ เสมอ

19 เมษายน 2566

พญ.หนึ่งฤทัย ภิรมย์

สาขา
อายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหาร

แพ็คเกจที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

โปรแกรมตรวจสุขภาพตา

แสงสีฟ้าจากหน้าจอ และรังสียูวีจากแสงแดด อาจนำไปสู่ โรควุ้นในตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน

โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ด้วยเครื่อง CT Scan

สูบบุหรี่จัดเป็นเวลานาน ไอเรื้อรัง ฝุ่น PM2.5 เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

บทความสุขภาพ

ดูทั้งหมด

นวัตกรรมการตรวจและการรักษา ไขมันคั่งสะสมในตับ

“ไขมันคั่งสะสมในตับ” เป็นสาเหตุโรคตับที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน และสามารถมีการดำเนินโรคไปเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการชี้วัดจากโรคหัวใจขาดเลือดและโรคตับ ในฉบับนี้จะขอกล่าวถึงวิธีการวินิจฉัยโรคและการรักษา การวินิจฉัยโรคไขมันคั่งสะสมในตับ ทางคลินิกมักจะอาศัยดูลักษณะกลุ่มโรค Metabolic syndrome คือ อ้วน, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง มีค่า HDL ต่ำ และความดันโลหิตสูง ร่วมกับดูว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดไขมันคั่งสะสมในตับ

ผู้เขียน: พญ.หนึ่งฤทัย ภิรมย์,นพ.จิตต์พัฒน์ ถนอมธีระนันท์,นพ.นนทพรรธน์  กันตถาวร,พญ.ปัทมา เกียรติภาพันธ์